เรื่องเล่าของปีที่เราเริ่มกลับมาใส่ใจตัวเอง
ฉันเชื่อว่าเกือบทุกคนมีช่วงเวลาที่รู้สึกว่า
“ร่างกายไม่น่าจะเหนื่อยขนาดนี้นะ แต่เรากลับล้าแบบบอกไม่ถูก”
ปีที่ผ่านมา ฉันเองก็เป็นแบบนั้น
เหนื่อยง่าย ทั้งที่งานไม่ได้หนักขึ้น
หลังตึงตอนเช้า หายใจสั้นระหว่างวัน
และบางวันก็หมดพลังแบบไม่รู้สาเหตุ
พอใกล้ปีใหม่ ฉันลองทบทวนตัวเองดู
ก็พบว่า…ฉันไม่ได้ดูแลสุขภาพแย่
แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร “สม่ำเสมอ” เลยแม้แต่นิดเดียว
สิ่งที่ขาดไปไม่ใช่การออกกำลังกายหนัก ๆ
หรือการเปลี่ยนชีวิตแบบสุดโต่ง
แต่คือ นิสัยเล็ก ๆ ที่ช่วยให้ร่างกายดีขึ้นจริง
และนี่คือ 5 นิสัยที่ฉันเริ่มทำทีละน้อย
ง่ายมาก ใช้เวลาไม่กี่นาที
แต่ทำให้ร่างกายกลับมามั่นคงขึ้น
และใจสงบขึ้นอย่างชัดเจน
1. Mini Core Wake Up — 5 นาทีตอนเช้าให้ “ท้องส่วนลึก” ทำงาน
ตอนเช้ามักเป็นช่วงที่ร่างกายยังงง ๆ
หลังตึง คอตึง และขยับแบบไม่มั่นคงเท่าไร
ฉันเริ่มแก้ด้วยการให้เวลา 5 นาที
ทำท่าง่าย ๆ เช่น
เหตุผลที่ต้องทำ:
เพราะกล้ามเนื้อท้องส่วนลึกคือ “ตัวช่วยทรงตัวของร่างกาย”
ถ้ามันตื่นตั้งแต่เช้า
ทั้งวันจะยืนดี เดินดี และใช้งานหลังได้มั่นคงกว่าเดิมมาก
อธิบายง่ายที่สุด:
เปิดระบบท้องก่อน = ท่าทางดีขึ้นทั้งวัน
2. Fix Your Posture — ปรับท่าทางเล็ก ๆ ระหว่างวัน
ความจริงคือ…
เราใช้ “ท่าทาง” มากกว่าเวลาออกกำลังกายหลายเท่า
นั่งทำงาน
จับมือถือ
เดินไปเดินมา
ก้มเก็บของ
และท่าที่ผิดซ้ำ ๆ นี่แหละที่ทำให้ปวดหลัง ปวดคอ
ง่ายที่สุด:
ทำไมสำคัญ?
ท่าทางดี = ประหยัดแรง ลดความล้า และลดการบาดเจ็บสะสม
อธิบายง่าย:
ท่าทางดี = ร่างกายไม่ต้องเหนื่อยเกินจำเป็น
3. Breath to Reset — หายใจ 2 นาทีก่อนนอน เพื่อลดความเครียดทั้งวัน
นี่คือ habit ที่ช่วยฉันมากที่สุด
เพราะบางวันสมองไม่ยอมหยุดคิด
แต่ร่างกายหายใจช่วยได้จริง
ใช้เทคนิคง่ายที่สุด:
Inhale 4 วิ
→ หายใจเข้าแบบช้า ๆ นับในใจ 1-2-3-4
Exhale 6 วิ
→ ปล่อยลมหายใจยาวกว่าเดิม นับ 1-2-3-4-5-6
ทำทั้งหมด 8–10 รอบ
ใช้เวลาไม่ถึง 2 นาที
ทำไมได้ผล?
เพราะการหายใจออกยาวกว่าหายใจเข้า
เป็นสัญญาณให้สมองรู้ว่า “ปลอดภัยแล้ว พักได้”
ผลคือ
อธิบายง่าย:
หายใจออกยาวกว่าหายใจเข้า = เปิดโหมดผ่อนคลาย
4. Move With Intention — ขยับให้รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่
ก่อนหน้านี้ฉันขยับแบบรีบ ๆ
ยืดรีบ ๆ ออกกำลังกายรีบ ๆ
จนร่างกายทำงานผิดส่วนและปวดกลับมาเร็วมาก
ตอนนี้ฉันเปลี่ยนมา “ขยับแบบมีสติ”
ตัวอย่างง่าย ๆ:
เดินช้า ๆ 10 ก้าวแบบรู้สึกถึงเท้ากดพื้น
หยิบของจากพื้นโดยใช้ขา ไม่ใช้หลัง
หมุนตัวอย่างนุ่ม ๆ ไม่บิดแรง
ทำไมสำคัญ?
เพราะร่างกายจะเรียนรู้รูปแบบการขยับที่ถูกต้อง
และใช้กล้ามเนื้อได้ตรงจุดมากขึ้น
อธิบายง่าย:
ทำช้า = รู้ว่าร่างกายกำลังทำอะไร
5. Track How You Feel — ดูสุขภาพจากความรู้สึก มากกว่าจากรูปร่าง
ฉันเลิกถามตัวเองว่า “ผอมขึ้นไหม?”
แต่เริ่มถามว่า…
วันนี้ปวดหลังเหมือนเมื่อวานหรือเปล่า
วันนี้หายใจโล่งขึ้นไหม
วันนี้มีแรงมากขึ้นหรือเปล่า
นั่งนานแล้วล้าลดลงไหม
อารมณ์วันนี้เบาสบายขึ้นไหม
ทำไมต้องเช็กแบบนี้?
เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มจาก “ความรู้สึกจริงของร่างกาย”
ไม่ใช่จากตัวเลขบนตาชั่ง
อธิบายง่าย:
ดูว่ารู้สึกดีขึ้นไหม คือวิธีวัดสุขภาพที่แท้จริงที่สุด
Quick Metrics — เช็กสุขภาพภายใน 1 นาที
ลองดูแค่นี้ก็พอ
ก้มแตะพื้นได้ไหม
ยืนขาเดียวได้กี่วิ
หายใจได้เต็มปอดไหม
มีจุดปวดซ้ำไหม
นี่คือข้อมูลจริงว่าร่างกายกำลังดีขึ้นหรือแย่ลง
สรุป — ปี 2026 ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ แต่ต้อง “เริ่มแบบที่ทำได้”
นิสัยเล็ก ๆ เหล่านี้
ใช้เวลาน้อยมาก
แต่ช่วยให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงแบบไม่ต้องฝืน
ช่วยให้ใจสงบลงแบบที่ไม่ต้องเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เยอะ
ปีใหม่ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากเป้าหมายใหญ่
แต่อาจเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ ที่ทำได้จริงในทุกวัน
สุขภาพดีมาจากความตั้งใจเล็ก ๆ…ที่ทำอย่างสม่ำเสมอ
ขอบคุณที่ให้โซลฟิตดูแลสุขภาพ